ลิเวอร์พูล แมตช์สำคัญเยือน เรอัล มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ลิเวอร์พูล มีแมตช์สำคัญในการเยือน เรอัล มาดริด ที่สนามอัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก วันอังคารที่ 6 เมษายนนี้ โดย “หงส์แดง” ต้องพยายามบุกไปคว้าผลการแข่งขันให้ดีที่สุดเพื่อชิงความได้เปรียบเมื่อต้องกลับไปแข่งเลกสองที่แอนฟิลด์
ข่าวดีที่สุดสำหรับสาวก “เดอะ ค็อป” ก็คือบรรดาผู้เล่นสำคัญฟิตสมบูรณ์เต็มร้อย ขณะเดียวกันแนวรุกตัวความหวังอย่าง ดีโอโก้ โชต้า กำลังอยู่ในช่วงร้อนแรงสุดๆ และน่าจะเป็นตัวความหวังในการสร้างความแตกต่างสำหรับแมตช์นี้
อย่างไรก็ตามการไปเยือน “ราชันชุดขาว” ไม่ใช่งานง่ายๆ อยู่แล้ว เพราะพวกเขาได้ชื่อว่าเป็นยอดทีมที่สุดแข็งแกร่ง และมีนักเตะระดับโลกมากมาย ฉะนั้นในฐานะเจ้าบ้าน ซีเนดีน ซีดาน คงย้ำลูกทีมอย่างชัดเจนให้เล่นด้วยความรัดกุม และฉกฉวยโอกาสให้ได้มากที่สุ
1. ข่าวดีแข้งลิเวอร์พูลไร้อาการบาดเจ็บ
ลิเวอร์พูล เพิ่งโชว์ฟอร์มสุดแกร่งไล่ต้อน “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 3-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยงานนี้ คล็อปป์ ได้จัดการเตรียมนำลูกทีมเดินทางไปยังกรุงมาดริด เพื่อทำศึกสำคัญในวันอังคารที่ 6 เมษายนนี้
บรรดาลูกทีมของนายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องพยายามที่จะคว้าผลการแข่งขันในด้านบวกสำหรับการไปเยือน “ราชันชุดขาว” เพราะหากพวกเขาได้รับชัยชนะ หรืออย่างน้อยได้อเวย์โกล นั่นจะทำให้ “เดอะ เร้ดส์” ครองความได้เปรียบเอาไว้ในมือทันที
สำหรับสิ่งที่สาวก “เดอะ ค็อป” รู้สึกอุ่นกลายสบายใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องที่นักเตะ “หงส์แดง” มีสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์ หลังจากที่บรรดานักเตะทั้ง 23 คนที่ทำการฝึกซ้อมที่ เคิร์กบี้ เมื่อวันจันทร์
ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินทางไปยังกรุงมาดริด
งานนี้แข้งคีย์แมนอย่าง ฟาบินโญ่ ที่จะประจำการในฐานะโฮลดิ้งมิดฟิลด์, ติอาโก้ อัลกันตาร่า รวมทั้ง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์, นาบี เกอิต้า และ เจมส์ มิลเนอร์ ต่างก็อยู่ในสภาพที่พร้อม
เต็มสูบ ขณะที่ผู้เล่นยางอะไหล่อย่าง อเล็กซ์ อ็อดซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ เซอร์ดาน ชากีรี่ ก็ได้ลงซ้อมอย่างเต็มที่
ฉะนั้นนี่คือนิมิตหมายที่ดีสำหรับ ลิเวอร์พูล หลังจากที่พวกเขาต้องประสบกับปัญหานักเตะแกนหลักเจ็บมาตลอดตั้งแต่เปิดซีซั่นนี้ และหาก “หงส์แดง” มีนักเตะตัวหลักและกำลังสำรองพร้อมเต็มที่
บบนี้ การเยือน “โลส บลังโกส” คงจะทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
2. ระวังคีย์แมนเจ้าบ้านจะทำน้ำตาตก
เรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยบรรดานักเตะระดับโลกอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ว่าจะชี้ไปที่ตำแหน่งไหนพวกเขาย่อมมีภาษีเหนือกว่า ลิเวอร์พูล แต่หากจะเจาะจงลงไปยังนักเตะที่สามารถสร้างความแตกต่างในเกมนี้คงหนีไม่พ้น ติโบต์ กูร์กตัวส์, โทนี่ โครส, คาเซมิโร่ และ คาริม เบนเซม่า
สำหรับนักเตะทั้ง 4 คนนี้ถือเป็นกระดูกสันหลังของ “ราชันชุดขาว” ในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง และพวกเขาเป็นผู้เล่นที่ทีมขาดไม่ได้ โดย กูร์กตัวส์ ได้รับคำชมอย่างมากจากฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และมีความคงเส้นคงวามากยิ่งขึ้น แถมยังมักจะมีจังหวะในการเปิดบอลเร็วเพื่อสร้างความได้เปรียบในเกมบุกด้วย
ขณะที่แผงมิดฟิลด์ต้องยอมรับว่า “โลส บลังโกส” แกร่งทั่วแผ่นจริงๆ และแน่นอนว่านี่คือจุดที่ได้เปรียบมากกว่าทีมเยือนหลายเท่า โดยเฉพาะ โครส ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ส่วน คาเซมิโร่ ก็ทำได้ดีทั้งในเกมรับและเกมรุก รวมทั้งยังอันตรายในการเล่นลูกกลางอากาศด้วย
ในส่วนของกองหน้าต้องยอมรับว่า เบนเซม่า เป็นนักเตะสามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหาพื้นที่ว่าง, มีไหวพริบในการเชื่อมเกม, ฉกฉวยโอกาสได้ทุกเวลา สำหรับฟอร์มในเวลานี้ของ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ถือว่าอันตรายสุดๆ โดยเฉพาะจังหวะจบสกอร์ซึ่งหลักฐานแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนจากผลงาน 23 ประตูในเกมลีกและแชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนี้
3. สี่ประสานทั้งมั่นใจทั้งฟิตเปรี๊ยะ
ตอนนี้ปัญหาเรื่องเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ค่อยๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่ ดีโอโก้ โชต้า ฟิตสมบูรณ์กลับมาลงสนามช่วยทีมได้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และผลงานของสโมสรก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับตอนนี้ คล็อปป์ มีตัวเลือกในเกมรุกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพราะทั้ง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โชต้า กำลังอยู่ในช่วงคืนฟอร์ม ฉะนั้น “หงส์แดง” จึงมีโอกาสที่จะจัดระบบทีมเพื่อสร้างปัญหาให้กับเกมรับ เรอัล มาดริด ได้มากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า คล็อปป์ ต้องใชระบบการเล่นเกมรุก 3 ตัวเหมือนที่ทำมาตลอด แต่จะเลือกใครลงเป็นตัวจริงนี่คือประเด็นที่น่าสนใจ ! ปกติแล้วแฟนบอล “หงส์แดง” มักจะได้เห็นสามประสาน “หิน เหล็ก ไฟ” อย่าง มาเน่, ซาลาห์ ฟีร์มีโน่ ช่วยกันสร้างสรรค์เกมบุกให้กับทีม แต่มีหลายครั้งที่คู่แข่งมักจะจับทางพวกเขาได้
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ โชต้า คืนทัพตอนนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล มีตัวเลือกที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ ซึ่ง ดาวเตะชาวโปรตุกีส แสดงให้เห็นมาแล้วอย่างในเกมพบ วูล์ฟแฮมตัน วันเดอเรอร์ส (ตัวจริง) และ อาร์เซน่อล (ตัวสำรอง) ซึ่งเขาได้ลงสนามและสร้างผลงานที่โดดเด่นมากๆ
งานนี้หลายคนอยากให้ คล็อปป์ ลองเปลี่ยนแนวทางเกมรุกด้วยการใช้ โชต้า กับ ซาลาห์ เป็นแกนหลัก ส่วนที่เหลือก็ลองให้ “บอส” ชั่งน้ำหนักดูว่าระหว่าง มาเน่ กับ ฟีร์มีโน่ ใครควรจะได้ลงตัวจริง แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางคนมองว่า น่าจะใช้ โชต้า ลงเล่นเป็นตัวสำรอง เพราะความคล่องตัวของเขาจะได้เปรียบอย่างมากเมื่อเกมรับคู่แข่งเริ่มอ่อนล้า
4. ขาด รามอส เหมือนขาดใจ
เรื่องที่ทำให้ ซีเนดีน ซีดาน รู้สึกเครียดที่สุดคงหนีไม่พ้นอาการบาดเจ็บของ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังกัปตันทีม ที่เจ็บกล้ามเนื้อน่องขาซ้าย ต้องพักประมาณ 1 เดือน นั่นหมายความว่า “ราชันชุดขาว” หมดสิทธิ์ใช้งานเขาในการปะทะกับ “หงส์แดง” ทั้งเหย้าและเยือน
นี่คือปัญหาสำคัญที่ “ซิซู” ต้องรีบหาทางแก้ไขเป็นการด่วน เพราะการขาด รามอส ก็เหมือนเกมรับขาดหัวใจหลักไปทันที และยิ่งมาเจอกับแนวรุกที่เต็มไปด้วยเทคนิคและความรวดเร็วของ ลิเวอร์พูล งานนี้บอกเลยว่าเจ้าบ้านต้องเจองานหนักแน่นอน
ส่วนกรณีของ เอแด็น อาซาร์ ที่ตอนแรกมีข่าวดีว่าสภาพร่างกายน่าจะฟิตทันลงเล่นในแมตช์นี้ แต่สุดท้าย ซีดาน ยืนยันชัดเจนว่า เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม หมดสิทธิ์ลงสนามรับมือ แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/2020
อย่างไรก็ตามการขาด อาซาร์ คงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของยอดทีมแห่งถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว มากนักเพราะพวกเขาก็ไม่ค่อยได้ใช้งานนักเตะเนื่องจาก อดีตแข้ง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี มักใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่าในสนามซ้อม
5. ลิเวอร์พูล เกมเยือนแข็งแกร่ง
ดูเหมือนว่าผลงานของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้จะไปได้สวยเวลาที่ออกไปเล่นนอกบ้าน สวนทางกับเวลาที่เล่นในแอนฟิลด์ ซึ่งก่อนหน้านี้สนามเหย้าของพวกเขาได้ชื่อว่าเต็มไปด้วยมนต์ขลัง เพราะไร้พ่ายยาวนานกว่า 3 ปี แต่ตอนนี้ “หงส์แดง” แพ้คาบ้านบ่อยจน “เดอะ ค็อป” เริ่มชาชินซะแล้ว
สำหรับฟอร์มการเล่นเกมเยือนของ “เดอะ เร้ดส์” ในเวลานี้โดดเด่นอย่างน่าเหลือเชื่อนับตั้งแต่เข้าสู่ปีฉลู เพราะนับตั้งแต่ที่ออกไปแพ้ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พวกเขาก็คืนฟอร์มโหดไล่อัดเจ้าบ้านระบายแค้นมาตลอด
โดยเกมล่าสุดเพิ่งบุกถล่ม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล พังราบเป็นหน้ากลองด้วยสกอร์ 3-0 ถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พร้อมกับเก็บคลีนชีตได้ด้วย ส่งผลให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล มีสถิติชนะเกมเยือน 4 แมตช์ติดต่อกันพร้อมทั้งไม่เสียประตูเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1988 ซึ่งตอนนั้นมีเซอร์เคนนี่ ดัลกลิช กุมบังเหียน ‘
ต้องยอมรับว่าฤดูกาลนี้ ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กของ “หงส์แดง” มีการสลับเปลี่ยนหมุนเวียนไม่ซ้ำหน้ากันมากกว่า 20 ครั้งจากการแข่งขันทุกรายการ เนื่องจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ และ โฌเอล มาติป มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน
คล็อปป์ จำเป็นต้องใช้นักเตะอย่าง ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาช่วงเล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก และกว่าที่ทีมจะได้คู่เซนเตอร์แบ็กที่เหมาะสมอย่าง นาธาเนียล ฟิลลิปส์ กับ โอซาน คาบัค ก็ปาเข้าไปช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลแล้ว แต่ก็ถือว่าไม่สายเพราะทำให้ตอนนี้พวกเขากลับมามีลุ้นทั้งอันดับท็อปโฟร์ และโทรฟี่ “บิ๊กเอียร์”
ฉะนั้นเกมรับของ “หงส์แดง” ในเวลานี้ค่อนข้างลงตัวมากๆ และมีความเป็นไปได้สูงที่ กุนซือเลือดด๊อยท์ช จะใช้แผงแบ็กโฟร์อย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฟิลลิปส์ และ คาบัค ส่วนนายทวารยังคงเป็นหน้าที่ของ อลีสซอน เบ็คเกอร์ เหมือนเดิม